วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2558

หัดขับรถยนต์ครั้งแรก บอกเล่าประสบการณ์ของผู้หญิงตัวเล็กๆในการหัดขับรถยนต์ในครั้งแรก

หัดขับรถยนต์ครั้งแรก บอกเล่าประสบการณ์ของผู้หญิงตัวเล็กๆในการหัดขับรถยนต์ในครั้งแรก
"ก็บอกแล้วไงว่าให้หักพวงมาลัยมาแบบเนี๊ยะ!!! (เสียงชักเริ่มหงุดหงิดและรำคาญอย่างมาก พร้อมกับเอามือบังคับพวงมาลัยที่เรากำลังจับอยู่ เพื่อหลบคันข้างๆ ที่อีกอึดใจเดียวก็จะเฉี่ยวแล้ว) 

บ่นพึมพำ (ฟังไม่ได้สรรพ เพราะมัวตกใจ)
................
''''''''''''''''''''''
พอสิ้นเสียงเรารู้สึกพร้อมกัน 2 อย่าง หนึ่งคือ สึกโล่งที่รถไม่โดนชน และไม่เฉี่ยวคนอื่นทั้งที่กำลังจะเฉี่ยว สอง คือรู้สึกท้อมากกกกก กับการหัดขับรถยนต์ในช่วงเวลานั้น กระทู้นี้เราขอบอกเล่าประสบการณ์ครั้งแรกในการหัดขับรถยนต์ของเรามาแชร์ให้เพื่อนๆ ทุกคนที่กำลังสนใจหัดขับรถ หรือตั้งใจจะขับรถยนต์ให้ได้ เพื่อเป็นแนวทางและเป็นกำลังใจให้กับหลายๆ คนที่กำลังท้อ ในการฝึกหัดขับรถยนต์ ถ้าคุณผู้ชายที่เข้ามาอ่านหรือคุณผู้หญิงบางท่านที่รู้สึกว่าการหัดขับรถยนต์ไม่ได้เป็นการยากแต่อย่างใด ก็ขออภัยและปิดหน้าจอไปเลยก็ได้นะคะ  แต่เราอยากแชร์ให้กับคนบางกลุ่มที่รู้สึกว่า การเริ่มต้นทำสิ่งใหม่มักยากเสมอช่วงแรกๆ และบทสรุปกับเรื่องนี้เป็นอย่างไรติดตามเลยค้า.......

เราสามารถหัดขับรถยนต์ใช้เวลาเพียง 1 วันครึ่งเท่านั้น หาาาาา โม้ไปรึเปล่า, อะไรนะ!!! ไม่เห็นเก่งตรงไหน เราก็ทำงานใน 1 วันเท่านั้น, โห... เก่งจังทำได้ไง .....  บลาๆๆๆ หลายความคิดของเพื่อนๆ ที่อ่านคงรู้สึกไม่ต่างกันจากนี้ เอาล่ะคะ มาเริ่มกันเลย


เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเราอายุ 27 ปี เราเองก็เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ  ที่ใช้ชีวิตคนเดียวในเมืองใหญ่(จริงๆ มีญาติพี่น้องนะคะ แต่ว่าทำงานคนละที่ก็เลยแยกกันอยู่) ทำงานเป็นพนักงานลูกจ้างเหมือนๆ คนทั่วไป สิ่งที่เราๆ สาว ๆ เจอและเบื่อที่สุดคือหน้าฝนค่ะ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าเสื้อผ้าหน้าผมต่อให้เซทมาอย่างดี แต่งหน้าเช้งแค่ไหน มาเจอฝนตกก็พังค่ะ อีกอย่างที่ทำงานเราเองมีรถเมล์ผ่ายแค่สายเดียว บางทีต้องรอรถถึงชั่วโมงก็มี เป็นเหตุผลที่ทำให้เราตัดสินใจซื้อรถยนต์เพื่อมาใช้อำนวยความสะดวก (ที่คิดตอนนั้น) เงินก้อนแรกในชีวิตที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีได้ ..และแล้วกับเงินแสนก้อนแรก ก็ถูกแลกมาเป็นรถยนต์มือ สอง 1 คัน เดี๋ยววันหลังเราจะมาแชร์วิธีการเก็บเงินได้หนึ่งแสน ภายใน 3 ปี  ให้เพื่อนๆได้อ่านกันวันนี้ขอเล่าเรื่องนี้ก่อน  พออ่านมาตรงนี้ทุกคนคงสัยสัย อ้าว ขับรถเป็นแล้วหรอซื้อรถมาน่ะเธอ!! ใช่ค่ะ...ขับยังไม่เป็นและที่เลวร้ายสุด ใบขับขี่ก็ยังไม่มีค่าาาาา (เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีค่ะ เพราะควรมีใบขับขี่ก่อนขับรถนะคะ) ทุกอย่างทำผ่านรุ่นพี่คนนี้หมด พาไปซื้อ ขับมาให้ โอ๊....มายก๊อดดด เอาไงล่ะทีนี้ตรู  ซื้อมาแล้ว พร้อมนั่งพิจารณารถที่เพิ่งถอยมาจอดไว้ที่หอ 

เอาไงล่ะ ก็หัดขับสิวะ....  จะไปยากอะไร รู้อยู่แล้วนี่ว่าขับยังไง เกียร์ D  คือเดินหน้า R คือ ถอยหลัง N คือ เกียร์ว่าง และ P คือ จอด  จะเลี้ยวก็เปิดไปเลี้ยว นี่ไง รู้แล้ว  เริ่มสิจ๊ะ รออะไรเล่า

เริ่มstart ครั้งแรก เวลา 16.00 น. หลังจากรับรถมาเสร็จ ขับในทางตรงใต้ทางด่วน ให้ถนนนั้นเป็นของเราคนเดียว  ในใจกลัวเริ่มกลัวว่ามันจะพุ่งมั้ยวะ(จริงๆ รุ่นพี่ไม่รู้มาก่อนว่าเราไม่เป็นเลย เค้าถามเราก็ตอบว่า พอได้) เพื่อไม่ให้เป็นการเสียฟอร์ม เอาวะ บิดกุญแจ สตาร์ท พร้อมทั้งเสียงแนะนำจากรุ่นพี่ผู้ชายคนนี้อยู่ตลอดๆ  ว่าอะไรเป็นตรงไหนยังไง ออกยังไง จังหวะยังไง ทำสตินิดนึง มือเราเริ่มสั่น ในหัวเริ่มสับสนอะไรก่อนอะไรหลังวะ  เบรค คันเร่ง เข้าเกียร์ หรือ เกียร์  เบรค  คันเร่ง หรือ เหยียบเบรคก่อน เอ้า!! เหยียบคันเร่งก่อนล่ะกัน (แต่โชคดียังไม่เข้าเกียร์) มุขหรือเปล่า เหยียบคันเร่งก่อน แต่ไม่มุขค่ะ คือตอนนั้น อารมณ์มันจะสับสนและตื่่นเต้นมากๆ  ทำอยู่นาน จนสุดท้ายก็สามารถขับทางตรงได้ แต่ยังเลี้ยวหรือถอยหลังไม่ได้ จบวันแรก รู้สึกว่าเครียดและเริ่มท้อนิดนึงว่าทำไมมันยากจัง  เฮ้ย...พรุ่งนี้เอาใหม่ 

วันที่สอง เริ่ม Start เวลา 8.00 น. ตื่นมาพร้อมกับความที่อยากรีบหัดขับให้เป็นเร็วที่สุด ใช้สถานที่เดิม ทำเหมือนเดิม จนถึงเวลา 10.00โดยประมาณ รุ่นพี่บอกว่า เอาล่ะ ออกถนนเลย  ห๊า!! อะไรนะ ออกเลยหรอ ใช่ ออกเลย รอไรล่ะ  เราก็ตกในนิดนึง เพราะเรารู้ดีว่าเรายังไม่พร้อมเพื่อนๆ อยากรู้ใช่มั้ยคะว่าเราหัดขับได้ถึงขั้นตอนไหนแล้ว บอกเลยว่าเจ๋งมากค่ะ "หักเลี้ยวยังคืนพวงมาลัยไม่เป็นเลย" (ออกก็ออกวะ นึกใจใจ) พร้อมด้วยความไม่มั่นใจ  เพื่อนๆ คะ ถ้าใครเคยหัดขับรถครั้งแรกคงจะเข้าใจอารมณ์ของการที่ต้องตัดสินใจเอารถออกท้องถนนไปวิ่งบนสนามจริงอย่างแน่นอน มันเป็นความรู้สึกที่กลัวๆ สุด ยิ่งเห็นรถบางคันวิ่งปาดซ้ายปาดขวา มันยิ่งทำให้เรากลัวมากยิ่งขึ้น ลำพังอยู่ในรถก็ไม่รู้จะใช้ประสาทบังคับตัวไหนบ้าง มือ เท้า เบรค คันเร่ง แถมถ้าออกถนนใหญ่ต้องมองเพื่อนข้างๆ ข้างหน้า เพื่อนจะเลี้ยว เพื่อนจะแซง เพื่อนสาดไฟ ทุกอย่างอยู่ในหัว แต่เราอยากจะบอก เพื่อนๆ ข้อนึงว่า สิ่งที่เราเรียนรู้ในการตัดสินใจวันนัั้นและอยากแชร์กับมือใหม่หัดขับทุกท่านคือ

  • ละทิ้งความกลัวซะ ถ้าเราไม่กล้าวันนี้เราจะไม่กล้าในวันต่อไป
  • เมื่อออกถนนใหญ่แล้ว ให้อยู่กับตัวเองที่สุด อย่าฟังเสียงคนที่อยู่ข้าง ๆ เพราะมันจะกวนสมาธิเราอย่างมาก
  • การขับรถยนต์สำหรับมือใหม่ ไม่มีอะไรสอนได้ดีเท่ากับ สัญชาติญาณตัวเองค่ะ
  • การวิ่งบนถนนใหญ่ที่มีรถมากมาย สิ่งที่ปลอดภัยที่สุด คือวิ่งอยู่ในเลนตัวเอง ซ้าย ก็ซ้ายตลอด ขวาก็ขวาตลอด อย่าพยายามแซง หรือ ซิกแซก เบียดคันอื่น เพราะเรายังไม่รู้จังหวะนั้นดีพอ
  • อั้นนี้ขอฝากถึงคนสอนค่ะ ว่าอย่าพยายามพูดแทรกหรือสอนอะไรในขณะที่มือใหม่ขับอยู่บนถนนใหญ่ ให้สอนในพื้นที่แรกให้จบทุกอย่าง เพราะมือใหม่ใช้สมาธิอย่างสูงในขณะขับออกถนนใหญ่ ให้เงียบจนกว่ามือใหม่จะร้องขอเช่นว่า จังหวะนี้ทำไงต่อ แล้วคนสอนค่อยออกความคิดเห็น เพราะการที่คุณพูดแทรกอยู่ตลอดเวลามันทำให้มือใหม่ไม่เป็นตัวของตัวเอง มือใหม่ไม่ได้ใช้สัญชาตญาณของตัวเองในการขับรถ แต่จะเป็นสัญชาตญาณของคนสอนเองมาเป็นเหมือนร่างทรงของคนสอนค่ะ
เอ๊า... Let's get start ออกถนนแล้วนะ ออกจากซอยที่ถนนมีแต่เราคนเดียว จะเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนใหญ่ แล้วน๊า เปิดไปเลี้ยวก่อน... รอจังหวะ  สักแป๊บให้รถโล่ง... ออกดีมั้ย... ยังก่อน....  เอ๊าออกดีมั้ย เดี๋ยวให้โล่งกว่านี้ก่อน ออกตอนนี้มั้ย เดี๋ยวอีกแป๊บ เอาชัวร์ เห้ย 5 นาทีแล้วนะ ยังไม่ได้ออกเลย......  คนข้างๆ เริ่มรอนานแล้วนะ จะรอให้ถนนโล่งก่อนมั้ยค่อยออก ด้วยความที่กลัวคนข้างๆ หงุดหงิด ออกตอนนี้ก็ได้วะ แป้น แป้นๆๆ  เสียงแตรรถที่วิ่งมาทางตรงบีบแตรพร้อมกับสาดไฟสูง มาเป็นระยะ เป็นสัญญาณว่าอย่าเพิ่งออกมานะ ผมมาเร็วเดี๋ยวเบรคไม่ทัน เมื่อมือใหม่เห็นเช่นนั้นก็รีบหักพวงมาลัยซ้ายออกถนนจนกินพื้นที่เลนที่สองของถนน เสียงเบรค ของคนทางตรง 2 คันที่วิ่งมาด้วยความเร็ว ครืด....!!!! พร้อมเสียงแตรรถคันหลังๆ ที่วิ่งมาประมาณว่าเบรคกระทันหันอะไรวะ  ตกใจมากกกกค่ะ นิ่งอยู่อย่างนั้นรถยังหักซ้ายไม่พ้นนะคะ จอดกลางถนน 2 เลน ทำอะไรไม่ถูกมองไปที่รถ สองคันที่เบรคกระทันหัน มีเสียงพูดกันในรถ พร้อมสีหน้าที่พร้อมจะมีเรื่อง  ไปต่อ !!ไปต่อ!! เสียงรุ่นพีข้างๆ เขย่ามือ พร้อมบอกให้เลี้ยวไปต่อเนียนๆ ก่อนที่จะมีเรื่อง เราก็เลี้ยวออกมาพร้อมกับ งง ตกใจ ปนสงสัยว่า อ้าวแค่นี้หรอ ไม่ต้องทำไรหรอ ไม่ต้องลงไปขอโทษ ไม่ต้องไปบอกว่าเพิ่งออกถนนครั้งแรกหรอ  ไม่ต้องค่ะ จำไว้เลยถ้าทำอะไรผิดพลาดไป ให้รีบไปโดยเร็ว หรือถ้าเค้าขับตามเราทันก็พยักหน้าขอโทษซะดีๆ อย่าปล่อยเลยตามเลยทำเป็นไม่สนใจ ถึงแม้คนที่ขับตามเราจะมีอารมณ์โมโหขนาดไหน ถ้าได้รับคำขอโทษถึงแม้จะไม่หายโกรธทันที ก็ยังดีกว่าไม่ขอโทษเลย  

ขับต่อไปค่ะจนเกือบจะเที่ยง ขับอยู่เลนเดียวตามทฤษฎีที่รุ่นพี่บอก ไม่เลี้ยว ไม่แซง เพราะคิดว่าปลอดภัยสุด ท้องเริ่มหิว แต่ไม่กล้าพูดเยอะ เพราะทำสมาธิสุดๆ การออกถนนใหญ่มันจะใช้สมาธิมากกว่าตอนที่เราขับคนเดียวบนถนนประลอง 10 เท่า สิ่งที่จะบอกเพื่อนๆ มือใหม่ในระหว่างขับรถออกถนนใหญ่แล้ว ดังนี้ค่ะ 
  • เราจะต้องฝึกการมองกระจกให้มากๆ และครบทั้ง สามตัว คือ ตัวทีอยู่ในรถ ใช้มองรถด้านหลังว่ามีรถคันหลังเราอยู่ในระยะใดบ้าง กระจกมองขวา ต้องมองรถที่อยู่ทางขวาว่า มีรถจะแซงหรือ มีรถวิ่งเลนขวาอยู่ในระยะใด และกระจกมองซ้ายก็เช่นกันค่ะ 
  • เราต้องมีสติในการรับรู้ว่าตอนนี้เท้าของเราเองอยู่กับเบรค หรือ คันเร่ง  ย้ำนะคะ เบรค หรือ คันเร่ง  เพราะบางทีเราใช้ประสาทไปจดจ่อกับการมองกระจก สลับกันไปมา จนทำให้เราไม่รู้ว่าตอนนี้ เท้าเราอยู่ที่เบรค หรือ คันเร่ง จะทำให้เราสับสนซึ่งเป็นที่มาของอุบัติเหตุของคนขับรถมือใหม่ค่ะ
  • เราจะต้องใช้สัญชาติญาณในการอ่านใจเพื่อนร่วมทางว่าเค้ากำลังจะทำอะไร ซึ่งเป็นเรื่องยากในมือใหม่จะเข้าใจสิ่งนี้ เช่น บางคันจะเลี้ยวก็ไม่เปิดไฟเลี้ยว เราจะต้องจับสังเกตุว่า ถ้าล้อมันเอียงไปทางด้านใดด้านหนึ่ง หรือเอียงมาทางเรา มันต้องมาแทรกเราแน่นอน อย่างนี้เป็นต้น 
  • ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขณะขับหัดขับบนถนนใหญ่ จำไว้ว่า ให้แตะเบรคไว้ก่อน เป็นสัญชาตญาณแรก การขับรถออกถนนใหญ่ครั้งแรกเราจะกังวลหลายเรื่องรวมกัน รวมทั้งยังจับจังหวะของคันเร่งไม่ได้ บางครั้งเยียบคันเร่งแรง ทำให้รถไปเร็ว บางครั้งเยียบคันเร่งเบา รถไม่ไป รวมทั้งสภาวะเพื่อนร่วมทางที่บางครั้งขับมาใกล้ๆ ทำให้จับจังหวะไม่ถูกว่าระยะใด ควรจะหลีก ระยะใด ควรจะให้ทาง ไม่ว่าจะเจออุปสรรคใดๆ เราขอให้คุณเหยีบเบรคไว้ก่อนค่ะ 
"ก็บอกแล้วไงว่าให้หักพวงมาลัยมาแบบเนี๊ยะ!!! (เสียงชักเริ่มหงุดหงิดและรำคาญอย่างมาก พร้อมกับเอามือบังคับพวงมาลัยที่เรากำลังจับอยู่ เพื่อหลบคันข้างๆ ที่อีกอึดใจเดียวก็จะเฉี่ยวแล้ว) ใช่ค่ะ การขับอยู่เลนเดียวโดยไม่เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ไม่แซง มันปลอดภัยค่ะแต่มันทำให้น่าเบื่อ และง่วงได้ ประกอบกับเลยเที่ยงแล้ว ทำให้คนขับ และคนสอนเหนื่อยล้าโดยไม่รู้ตัว เรารถผ่านแยกที่มีแยกที่เป็นไฟ แดงแบบกระพริบๆ เป็นไฟแดงที่ให้เราตัดสินใจเองว่ารถทางไหนพร้อมก็ไปได้เลยไม่ต้องรอสัญญาณ หรือรถคันไหนหน้าด้านหน่อยก็แทรกๆ เบียด ๆ อีกฝั่งหนึ่งเดี๋ยวก็ได้ไปเอง  แต่ มันจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่ทราบว่าจังหวะไหนควรจะไป จังหวะไหน จะค่อยๆ แทรกไป หรือไปแรงๆ เลย เอาไงดีวะ ออกตัวเหยีบบไปเลยมั้ย ไปเลยดีกว่า ปื้ดดดด.... เสียงรถที่จะเลี้ยวข้ามฝั่งมาอีกฝั่งหนึ่งเบรคอย่างแรง พร้อมกับเสียงตะโกนด่าในรถ ถ้าเราได้ยินคงไม่น่าไพเราะเท่าไหร่ เพราะอีกนิดเดียวรถเราก็จะไปชนกับคันข้างหน้าแล้ว แต่โชคดีที่รุ่นพี่บังคับพวงมาลัยหักหลบออกมาได้ เหตุการณ์เดิมค่ะ จอดรถแน่นิ่งอยู่บนถนน จนรุ่นพี่ต้องตะโกนให้ไปต่อ เพียงแต่เสียงจะไม่นิ่มเหมือนเดิม ตอนนี้เราสองคนเงียบไม่มีใครพูดอะไรใดๆ ออกมา เราเหนื่อย และท้อมาก ทำไมการขับรถดูเหมือนง่ายมันยากจัง  คนอื่นทำไมขับได้ เค้าเป็นเหมือนเรามั้ย ทำไมเราโง่จัง เสียงโทษตัวเองต่างๆ ดังอยู่ในหัว แวะกินข้าวเที่ยวดีกว่า เผื่อจะดีขึน

14.00 เริ่มใหม่ค่ะ ทำเหมือนเดิมทุกอย่าง ขับวนอยู่บนถนนใหญ่ ไปเรื่อยๆ จนถึงเวลา 18.00 มันต้องใช้ความอดทน อดทน และ อดทนค่ะ  ถามว่าทำไมเราต้องรีบฝึกตัวเองให้หนักขนาดนี้ คือจริงๆ รุ่นพี่คนนี้เค้าทำงานอยู่ต่างจังหวัดค่ะ ถ้าวันนี้เรายังขับไม่ป็นก็ต้องรอเค้ามาสอนให้อีกทีนึงเป็นวันเสาร์ อาทิตย์หน้า ถ้าเรารอขนาดนั้นเราอาจจะลืม หรือถ้าเค้าติดงานมาไม่ได้ เราอาจจะต้องรออีก สองสัปดาห์ถึงจะได้ขับอีกครั้งนึง ประกอบกับจะให้ทิ้งรถไว้นานถึงสองสัปดาห์เลยหรอ เราจึงต้องพยายามขับให้ได้ในวันนี้มันเป็นแรงผลักที่ดีมาก บางครั้งพี่เค้าเหนื่อยเราก็ให้เค้าพัก เราก็ไปจอดรถที่หอ ระหว่างนั้นเราเองก็ฝึกการเข้าซอง การถอยหลัง การจอดข้างๆ ฟุตบาท ทำยังไง หักพวงมาลัยยังไง ฝึกไปเรื่อยๆ ค่ะ จนในที่สุด 18.00 สิ้นสุดของมือใหม่ สิ่งที่ทำให้เราเรียนรู้คือ ไม่มีอะไรยากไปกว่าความพยายาม  การฝึกฝนอย่างหนักและจริงจัง การให้เวลากับสิ่งนั้นนานๆ สิ่งนั้นมักจะดีเสมอ การเอาชนะความกลัวของตัวเองให้ได้ค่ะ
หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้นเราก็ขับรถไปที่ทำงานเลยค่ะ โดยมีรุ่นพี่คนนี้ขับอีกคันนำหน้าไปส่งที่ทำงาน เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยได้ทัน แต่ก็รอดปลอดภัยค่ะ ถึงที่ทำงานโดยสวัสดิภาพ แต่ระหว่างทางก็มีเปิดไฟเลี้ยวสลับบ้าง เช่น จะเลี้ยวซ้าย ดันเปิดไฟเลี้ยวขวา แฮ่ะะะ....  ขออภัยเพื่อนร่วมทางทุกท่านค่ะ นี่แหล่ะค่ะ กับการหัดขับรถให้เป็นโดยใช้เวลาเพียง หนึ่งวันครึ่งของเรา

สุดท้ายขอจบการเล่าประสบการณ์เพียงเท่านี้นะคะ  อ้อ ขอฝากอีกเรื่องสำหรับมือใหม่ ถ้ายังไม่มั่นใจเวลาขับรถออกถนนใหญ่ครั้งแรก ให้เขียนป้ายหรือหาป้ายมาติดหลังรถเลยค่ะ ว่า  "มือใหม่หัดขับ" หรือ ถ้ากำลังหัดขับก็ติดว่า "กำลังหัดขัด" ไม่ต้องอายค่ะ เพราะป้ายจะเป็นสัญญาณให้เพื่อนร่วมทางระมัดระวังหรือให้อภัยคุณเวลาคุณทำอะไรผิดพลาดเช่น ตัดหน้ารถเค้า หรือ เข้าไม่ถูกจังหวะค่ะ ถ้าเค้าเห็นป้ายเค้าจะเข้าใจเราบางคันถึงกับให้ทางเราเลยนะคะ ไม่รู้ใจดี หรือกลัวเราขับไปโดนรถเค้าก็ไม่รู้ และอีกเรื่อง คนที่บอกว่า เวลาให้ใครสอนขับรถ ไม่ควรเป็นเพื่อน พี่น้อง และ แฟน ขอคอนเฟิร์มว่าจริงทุกประการค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านจนจบนะคะ หวังว่าคงจะมีประโยชน์กับมือใหม่ทุกคน แล้วเจอกันใหม่ในหัวข้อ "การเก็บเงินให้ได้ 1 แสนภายใน 3 ปี กับ เงินเดือน 15000" ใบแบบฉบับของเราค่ะ ถ้ามีอะไรตกหล่นขออภัยมาณ ที่นี้ด้วยค่ะ  ขอบคุณมากค่ะ 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น